ฮีธ เลดเจอร์” ตำนานโจ๊กเกอร์ ที่ฉลาดที่สุดจาก The Dark Knight (2008) ค่ายหนัง DC

DC Universeมิถุนายน 26, 2024

หลายคนต้องจดจำกันได้อย่างแน่นอนกับนักแสดงที่กำลังโด่งดังและเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก โดยเฉพาะกับบท โจ๊กเกอร์ ที่โดดเด่นและถ่ายทอดความเป็นตัวตนของโจ๊กเกอร์ออกมาได้อย่างน่าจดจำ ฮีธ เลดเจอร์ นักแสดงหนุ่มในวัยเพียง 28 ปีในบทโจ๊กเกอร์จากภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่จากค่าย DC เรื่องที่ทำรายได้ทั่วโลกไปอย่างมหาศาลในปี 2008 กับเรื่อง The Dark Knight ที่เชื่อว่าคอหนังเรื่องนี้ยังคงจดจำภาพของโจ๊กเกอร์เป็นอย่างดี

ฮีธ เลดเจอร์” ตำนานโจ๊กเกอร์ ที่ฉลาดที่สุดจาก The Dark Knight (2008) ค่ายหนัง DC

ประวัติความเป็นมาของ ฮีธ เลดเจอร์

ฮีธ เลดเจอร์ เกิดวันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 1979 เป็นชาวออสเตรเลียและเข้าสู่วงการบันเทองตั้งแต่ ค.ศ. 1992–2008 ซึ่งเขาได้การเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์จากภาพยนตร์เรื่อง หุบเขาเร้นรัก ในสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม และก็ได้รับรางวัลชนะเลิศในสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่อง แบทแมน อัศวินรัตติกาลจากบท เดอะโจ๊กเกอร์ ซึ่งเป็นเรื่องสุดท้ายจากการเสียชีวิต 22 มกราคม ค.ศ. 2008 ในวัยเพียง 28 ปี โดยในวันนั้น ฮีธ เลดเจอร์ นอนเปลือยกายคว่ำหน้าอยู่บนเตียงและมียานอนหลับอยู่ใกล้กับตัวของเขา ซึ่งคาดการว่าเสียชีวิตแล้วเมื่อเวลา 15.45 น. ตามเวลาท้องถิ่นซึ่งแม่บ้านและพนักงานนวดหญิงเข้าไปพบศพเขา และจากการชันสูตรพบว่าสาเหตุการเสียชีวิตคือเขาใช้ยาเกินขนาด

บทบาทโจ๊กเกอร์ของฮีธ เลดเจอร์ ในเรื่อง The Dark Knight (2008) ค่าย DC

เป็นภาพการจดจำที่ไม่มีวันลืมของบท Joker ใน The Dark Knight (2008) โดยได้มีการตีความใหม่ทั้งหมดทำให้ Joker เวอร์ชันเดิมเปลี่ยนไปจนหมดสิ้น ซึ่งในขณะนั้นเส้นทางบันเทิงในฮอลลีวูดของฮีธ เลดเจอร์กำลังสดใส แต่เขาก็เสียชีวิตไปก่อนแต่ตัวเขาเองก็ฝากผลงานไว้ได้อย่างน่าจดจำเป็นที่ชื่นชมทั้งจากผู้ชมทั่วโลกและบรรดานักวิจารณ์ จนทำให้เขาได้รับรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจากบท Joker

ฮีธ เลดเจอร์ เข้าถึงบทบาทของโจ๊กเกอร์จนทำให้เพื่อนร่วมงานเป็นกังวล

พูดถึง Joker เป็นตัวร้ายที่ทุกคนจดจำได้ดีจากค่าย DC เป็นต้นแบบวายร้ายโรคจิต ที่สามารถ่ายทอดภาพลักษณ์ของ Joker ได้อย่างสมจริง จนลงลึกภายในจิตวิญญาณทั้งร่างกายและจิตใจ และในแต่ละวันเขาจะเขียนบันทึกประจำวันในฐานะที่ตัวเขาเป็น Joker และพกไดอารี่เล่มนี้ติดตัวไปด้วยตลอดเวลาในขณะที่อยู่ในกองถ่าย ซึ่งมีบางคนที่เขียนข้อความในไดอารี่ทำให้เข้าใจได้ว่าเขาสามารถเข้าถึงจิตวิญญาณของโจ๊กเกอร์ ที่คนตัวร้ายและเป็นมนุษย์วิกลจริต

ฉากต่อยจริงของ ฮีธ เลดเจอร์ ฉากที่เขากำหนดเอง

อีกหนึ่งฉากที่ทุกคนต้องจดจำในภาพยนตร์ The Dark Knight จากค่าย DC นี้ก็คือฉากแบทแมนน็อตหลุดทำให้ซัดโจ๊กเกอร์เข้าอย่างจริงจัง ด้วยความโมโหที่เกิดจากการยั่วจากโจ๊กเกอร์ในห้องสอบสวน ซึ่งเป็นฉาหที่มีการชกกันจริง ๆ โดยความจริงของฉากนี้ก็คือฮีธ เลดเจอร์ต้องการให้แบทแมนต่อยจริงและต่อยให้สุดแรงที่สุด ซึ่งแน่นอนเจ็บจริงและมีอาการช้ำบวมจริงที่หน้าของเขาภายใต้การแต่งหน้าของโจ๊กเกอร์

ฮีธ เล็ดเจอร์ ออกแบบการแต่งหน้าโจ๊กเกอร์เอง

ผลงานทียังทำให้จดจำการแสดงของฮีธ เล็ดเจอร์ ซึ่งจนทุกวันนี้ก็ยังเป็นที่พูดถึง และที่ยังได้รับความสนใจก็คือการแต่งหน้าของโจ๊กเกอร์ที่เขาเป็นคนออกแบบการแต่งหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ ด้วยการพอกหน้าให้เป็ฯสีขาว และเติมแต่งแต้มสีสันโดยเครื่องสำอางที่ใช้เป็นของเขาเอง ทำให้ในทุก ๆ การเข้าฉากทีมงานของเรื่องนี้จึงต้องแต่งหน้าให้เขาตามแบบที่เขาต้องการ และใช้ไปตลอดทั้งเรื่องจนจบ

โจ๊กเกอร์ใน The Dark Knight (2008) ที่หายไปอย่างเงียบ ๆ

เดิมทีหากไม่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นมากับ ฮีธ เล็ดเจอร์ ซึ่งต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่น่าเศร้าแต่ก็ยังเป็นบุคคลนักแสดงที่ทำให้คนดูจดจำได้ไม่มีวันลืม สำหรับบทบาทของโจ๊กเกอร์ก็ยังจะต้องดำเนินไป ซึ่งในไตรภาคเขาจะต้องมีบทบาทที่โดดเด่นมาใน The Dark Knight Rises ซึ่งเป็นภาคปิด โดยใน The Dark Knight (2008) โจ๊กเกอร์เริ่มหายไปอย่างเงียบ ๆ และไม่ได้มีการลงรายละเอียดไว้อย่างชัดเจนมากนักเป็นเพียงเนื้อเรื่องที่บอกให้กับผู้ชมได้รับรู้ โดยการการหายตัวไปของโจ๊กเกอร์หลังการเสียชีวิตของ ฮาร์วีย์ เดนต์ อัยการของก็อตแธม ทำให้มีการร่างกฎหมายผ่านการลงมติเห็นชอบของสภาและให้มีการบังคับใช้ทันที โดยเหล่าวายร้ายที่ถูกคุมขังจะต้องถูกย้ายไปเข้าไปในเรือนจำแบล็กเกตเหลือไว้แค่โจ๊กเกอร์เท่านั้นที่ไม่สามารถตามตัวและจับมาจองจำได้ จึงจะเป็นจะต้องปล่อยทิ้งไว้เพียงรายเดียว

สาเหตุการตายส่วนหนึ่งมาจากการที่ฮีธจมลึกเกินไปกับความเป็นจิตเภทของ Joker ทำให้เขาเกิดอาการหดหู่เกินไปและสลัดออกไม่ได้ การจากไปของฮีธ ทำให้การโปรโมตหนัง The Dark Knight ต้องดำเนินไปโดยที่ไม่มีฮีธ เล็ดเจอร์ และเขาก็ไม่มีโอกาสได้รับรางวัลออสการ์ตัวแรกจากฝีมือการแสดงของเขาเองด้วย ส่วนนักแสดงนำที่ต้องทำหน้าที่โปรโมตหนัง ก็ดำเนินไปบนความเศร้าโศกต่อการจากไปของนักแสดงมากพรสวรรค์ผู้นี้

Categories